วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

กฎหมายว่าด้วย (การเกิด)

การเกิดเป็นจุดเริ่มต้นของสภาพบุคคล และเป็นจุดเริ่มต้นที่กฎหมายเข้ามามีบทบาท เมื่อมีเด็กเกิดในครอบครัว จะต้องแจ้งการเกิดตามกฎหมายที่ได้กำหนดหน้าที่ที่จะต้องแจ้งการเกิดดังต่อไปนี้
1.เด็กเกิดในบ้าน หมายถึง การที่หญิงตั้งครรภ์และได้คลอดลูกในบ้านของตนเอง กรณีที่เด็กเกิดในบ้านมีหลักการปฏิบัติดังนี้
1.1 แจ้งเกิด เมื่อหญิงตั้งครรภ์ และได้คลอดลูกในบ้านของตนเอง ผู้มีหน้าที่แจ้งเด็กเกิดคือ “เจ้าบ้าน” หรือตามกฎหมายก็คือ ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว อาจจะเป็นผู้อยู่ในฐานะเจ้าของบ้าน หรือหากเช่าบ้านคนอื่น ก็คือผู้อยู่ในฐานะผู้เช่าหรือผู้อยู่ในฐานะอื่นๆ อย่างเช่น กรณีที่เจ้าของบ้านยกบ้านให้อยู่ฟรีๆ ผู้ที่ได้รับการยกให้อยู่ก็เป็นเจ้าบ้านได้เหมือนกันนอกจากเจ้าบ้านแล้ว บิดาหรือมารดาของเด็กเป็นผู้มีหน้าที่แจ้งเช่นเดียวกัน
1.2 ระยะเวลาในการแจ้งเกิด จะต้องแจ้งต่อนายทะเบียนท้องที่ที่เด็กเกิดภายใน 15 วัน นับแต่วันที่เกิด เช่น เด็กเกิดวันที่ 13 มกราคม 2543 ก็จะต้อง แจ้งภายใน 15 วัน คืออย่างช้าวันที่ 28 มกราคม เป็นต้น
2. เด็กเกิดนอกบ้าน หมายถึง เกิดในที่ใดๆ ก็ตามที่ไม่ใช่บ้านของตน เช่น เกิดที่บ้านของญาติหรือในป่า กรณีที่เด็กเกิดนอกบ้านมีหลักการปฏิบัติดังนี้
2.1 แจ้งเกิด ผู้ที่มีหน้าที่แจ้งการเกิด คือ บิดาหรือมารดาของเด็ก โดยต้องแจ้งแก่นายทะเบียนท้องที่ที่คนเกิดนอกบ้าน หรือท้องที่ที่จะพึงแจ้งได้นับแต่วันที่เกิด
2.2 ระยะเวลาในการแจ้งเกิด บิดาหรือมารดาจะต้องแจ้งภายใน 15 วัน นับแต่วันที่เกิด แต่หากไม่สามารถแจ้งแก่นายทะเบียนในท้องที่ที่เด็กเกิดได้ ภายใน 15 วัน เช่น เกิดน้ำท่วมอย่างหนักเป็นเวลานานไม่อาจไปแจ้งท้องที่ที่เด็กเกิดได้ทันเวลา ก็สามารถแจ้งแก่นายทะเบียนท้องที่อื่น ๆ ได้ แต่ต้องไม่เกิน 30 วันนับแต่วันที่เกิด
ตัวอย่าง หญิงตั้งครรภ์ และหลงเข้าไปในป่า ต่อมาคลอดลูก จะเห็น ได้ว่าหญิงหรือมารดาของเด็กไม่อาจจะแจ้งแก่นายทะเบียนท้องที่ที่เด็กเกิดหรือ ท้องที่ใด ๆ ที่สามารถจะแจ้งได้ในโอกาสแรกภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่เกิด เพราะยังคงอยู่ในป่า เมื่อผ่านไป ๒๐ วัน มารดาสามารถออกจากป่าได้แล้ว ดังนั้นวันที่อาจแจ้งได้ คือ วันที่มารดาออกจากป่า หรือจะแจ้งวันอื่นก็ได้ แต่ภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่เด็กเกิด
3. เด็กเกิดที่โรงพยาบาล หมายถึง เด็กที่มารดาไปคลอดที่โรงพยาบาล กรณีที่เด็กเกิดที่โรงพยาบาลมีหลักการปฏิบัติดังนี้
3.1 แจ้งเกิด โรงพยาบาลจะออกใบรับรองการเกิดให้บิดาหรือมารดา ซึ่งถือเป็นบริการของโรงพยาบาล เพื่อนำไปแจ้งการเกิดที่สำนักงานทะเบียนท้องถิ่นที่โรงพยาบาลนั้นตั้งอยู่
3.2 ระยะเวลาในการแจ้งเกิด จะต้องแจ้งเกิดต่อนายทะเบียนท้องที่ที่เด็กเกิดภายใน 15 วัน นับตั้งแต่เด็กเกิด
4. เด็กเกิดใหม่ซึ่งถูกทิ้งไว้ กรณีเด็กเกิดใหม่ซึ้งถูกทิ้งไว้มีหลักการปฏิบัติดังนี้
4.1 แจ้งเกิด ให้ผู้พบเด็กเกิดใหม่ซึ่งถูกทิ้งไว้ให้ผู้นั้นมีหน้าที่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ประชาสงเคราะห์ในท้องที่ที่ผู้นั้นพบเด็กโดยเร็ว และเจ้าหน้าที่ดังกล่าวจะแจ้งว่ามีเด็กเกิดต่อนายทะเบียนที่ผู้รับแจ้ง
4.2 ระยะเวลาในการแจ้งเกิด จะต้องแจ้งเกิดต่อนายทะเบียนท้องที่โดยเร็วเมื่อพบเด็กเกิดใหม่ซึ่งถูกทิ้งไว้
หลักฐานการเกิด
เมื่อแจ้งการเกิดแล้ว นายทะเบียนจะออกสูติบัตร (ใบแจ้งเกิด) ให้แก่ผู้แจ้งไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งสูติบัตรจะแสดงสัญชาติ วัน เดือน ปีเกิด ชื่อบิดา มารดา อีกทั้งควรแจ้งชื่อของเด็กที่เกิดด้วย และถ้าประสงค์จะเปลี่ยนชื่อใหม่ ก็ให้แจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 6 เดือนนับ แต่เกิด
โทษ ผู้มีหน้าที่แจ้งเกิด ถ้าฝ่าฝืนไม่ทำตามหน้าที่ ย่อมมีความผิด อาจถูก ปรับได้ไม่เกิน 1,000 บาท
สถานที่แจ้งเกิดต่อนายทะเบียนท้องที่
-          เด็กที่เกิดในเขตเทศบาล ให้แจ้งที่สำนักทะเบียน ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานเขตเทศบาลนั้น
-          เด็กที่เกิดนอกเขตเทศบาล ให้แจ้งที่สำนักทะเบียนตำบล(ที่ว่าการอำเภอหรือที่สำนักทะเบียนผู้ว่าราชการจังหวัด เช่น เขตกรมทหาร เป็นต้น
-          เด็กที่เกิดในเขตกรุงเทพมหานคร ให้แจ้งที่สำนักทะเบียนท้องถิ่น ตั้งอยู่ที่สำนักงานเขต
-          เด็กซึ่งเป็นบุตรของคนสัญชาติไทยที่เกิดในต่างประเทศ ถ้าต้องการให้บุตรมีสัญชาติไทยต้องไปแจ้งต่อสถานกงสุลไทยหรือสถานฑูตไทย ณ ประเทศนั้นๆ เนื่องจากสถานกงสุลไทยหรือสถานฑูตไทยเป็นสำนักทะเบียนในต่างประเทศ
หลักฐานที่ต้องนำไปแจ้ง
1.      กรณีเกิดในบ้าน
-          บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้านและของบิดามารดาเด็ก
-          สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
2.      กรณีเกิดนอกบ้าน
-          บัตรประจำตัวประชาชนของมารดาเด็ก
-          สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
-          บัตรประจำตัวผู้ที่ได้รับมอบหมาย(กรณีมารดาเด็กไม่ได้ไปแจ้งเกิดด้วยตนเอง)
3.      กรณีเกิดที่โรงพยาบาล
-          บัตรประจำตัวประชาชนของบิดามารดาเด็กและผู้แจ้ง(กรณีบิดามารดาไม่สามารถไปแจ้งได้ด้วยตนเอง)
-          สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านที่จะนำเด็กเข้า
-          หนังสือรับรองการเกิดของผู้รักษาพยาบาลโดยอาชีพ
-          อายุ สัญชาติ
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น